“The Scientist” มอบบทเพลงแห่งความคิดถึงและห้วงแห่งอดีตที่งดงาม
“The Scientist,” หนึ่งในผลงานชิ้นเอกของวง Coldplay ที่ปล่อยออกมาในปี 2002 จากอัลบั้ม “A Rush of Blood to the Head,” เป็นบทเพลงแห่งความคิดถึงและห้วงแห่งอดีตที่งดงาม ด้วยทำนองเมโลดี้ที่ไพเราะและเนื้อหาที่กินใจ ผู้ฟังจะถูกพาไปสู่โลกแห่งความทรงจำและความเศร้าโศกอันลึกซึ้ง
Coldplay ก่อตั้งขึ้นในปี 1996 โดย Chris Martin (นักร้องนำ และนักแต่งเพลง), Jonny Buckland (กีตาร์), Guy Berryman (เบส) และ Will Champion (กลอง) ในลอนดอน ประเทศอังกฤษ วงดนตรีเริ่มต้นจากการเล่นเพลงในบาร์และงานเลี้ยง
ในปี 1998 Coldplay ได้เซ็นสัญญากับ Parlophone Records และปล่อย EP “Safety” ออกมาในปีเดียวกัน ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากแฟนเพลงและนักวิจารณ์
ความสำเร็จของ Coldplay เริ่มต้นขึ้นเมื่อพวกเขาปล่อยอัลบั้มแรก “Parachutes” ออกมาในปี 1999 อัลบั้มนี้ประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลายทั้งในด้านยอดขายและการวิจารณ์ และได้รับรางวัล Brit Award สาขาอัลบั้มยอดเยี่ยม
เนื้อหาของ “The Scientist”
เพลง “The Scientist” เป็นบทเพลงที่เต็มไปด้วยความรู้สึกเศร้าโศกและความคิดถึง โดย Chris Martin นักร้องนำและนักแต่งเพลงของ Coldplay ได้ถ่ายทอดเรื่องราวของความรักที่จบลง และความหลังอันทรงคุณค่าที่ยังคงฝังอยู่ในใจ
เนื้อหาของเพลงเล่าถึงความเสียใจของผู้ชายคนหนึ่งที่ผิดพลาดในความรัก และต้องการย้อนเวลากลับไปแก้ไขความผิดพลาดเหล่านั้น
“Nobody said it was easy, It’s such a shame for us to part. Nobody said it was easy, No one ever said it would be this hard.”
ท่อนฮุกของเพลง “Come back…come back…” เป็นการร้องขออย่างสุดชีวิตให้คนที่รักกลับมา
ทำนองและดนตรี
“The Scientist” เป็นเพลงที่มีทำนองเมโลดี้ที่ไพเราะและเรียบง่าย แต่เต็มไปด้วยอารมณ์ ดนตรีประกอบของเพลงประกอบด้วย פסittar, กีตาร์, เบส และกลอง เสียงเปียโนที่บรรเลงอย่างแผ่วเบาสร้างความรู้สึกเศร้าโศก
ส่วนท่อน refrain ที่ Chris Martin ร้อง “Nobody said it was easy…” เป็นส่วนที่โดดเด่นที่สุดของเพลง เนื่องจากมีทำนองและเนื้อหาที่กินใจ
ความหมายที่ซ่อนอยู่
นอกจากเนื้อหาที่ชัดเจนแล้ว “The Scientist” ยังมีความหมายที่ซ่อนอยู่ซึ่งผู้ฟังสามารถตีความได้ในมุมมองที่ต่างกัน
เพลงนี้สามารถตีความได้ว่าเป็นการสำทับตัวเองของ Chris Martin
ในบทสัมภาษณ์ Chris Martin กล่าวว่า: “It’s about making mistakes and trying to fix them. It’s about regretting things you’ve done in the past."
อิทธิพลและมรดก
“The Scientist” ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในเพลงที่ดีที่สุดของ Coldplay และเป็นเพลงระดับมาสเตอร์พีซ เพลงนี้ได้รับการนำไป Cover และ Reinterpret โดยศิลปินมากมายทั่วโลก
นอกจากนั้น “The Scientist” ยังปรากฏอยู่ในภาพยนตร์และซีรี่ส์หลายเรื่อง ซึ่งช่วยเพิ่มความนิยมให้กับเพลง
สรุป
“The Scientist” เป็นบทเพลงแห่งความคิดถึงและห้วงแห่งอดีตที่งดงาม ด้วยทำนองเมโลดี้ที่ไพเราะ, เนื้อหาที่กินใจ และดนตรีประกอบที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง, “The Scientist” ยังคงเป็นหนึ่งในเพลงที่ได้รับความนิยมสูงสุดของ Coldplay
บทเพลงนี้ได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ฟังทั่วโลกและได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมเพลงสมัยใหม่
ตารางเปรียบเทียบเพลง “The Scientist” กับผลงานอื่น ๆ ของ Coldplay:
เพลง | อัลบั้ม | ปีที่ปล่อย |
---|---|---|
The Scientist | A Rush of Blood to the Head | 2002 |
Yellow | Parachutes | 1999 |
Clocks | A Rush of Blood to the Head | 2002 |
Fix You | X&Y | 2005 |
Viva La Vida | Viva la Vida or Death and All His Friends | 2008 |
หมายเหตุ: “The Scientist” เป็นเพลงที่ได้รับความนิยมสูงสุดจากอัลบั้ม “A Rush of Blood to the Head,” ซึ่งเป็นอัลบั้มที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง